อย่าลงทุน บิทคอยน์ ถ้ายังไม่อ่านบทความนี้

1138 จำนวนผู้เข้าชม  | 

Bitcoins




ปัจจุบันกระแสการลงทุนใน Cryptocurrency หรือสกุลเงินดิจิทัลกำลังมาแรง ไม่ว่าจะเป็น Bitcoin, Ethereum, Binance Coin หรือแม้แต่ Dogecoin เหรียญคริปโตที่เกิดมาเพื่อล้อเลียน Bitcoin แต่ดันกลายเป็นกระแสเพราะ Elon Musk มหาเศรษฐีเบอร์ 2 ของโลก

แต่ไม่ว่าจะลงทุนในเหรียญคริปโตอะไรก็ตาม สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนแนะนำให้ทำ คือ การ Diversify ไปสู่การลงทุนประเภทอื่นๆ บ้าง เพราะเหรียญคริปโตเป็นการลงทุนที่มีความผันผวนสูง




วัฎจักร “The Halving” ของ Bitcoin



สาเหตุที่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน แนะนำให้ Diversify โดยเฉพาะการลงทุนใน Bitcoin เป็นเพราะ Bitcoin มีวัฎจักรสำคัญที่เกิดขึ้นทุกๆ 4 ปี โดยเรียกว่า “The Halving” ซึ่งเป็นการลดอัตราการเกิดของเหรียญ Bitcoin ใหม่ลงครึ่งหนึ่งทุกๆ 4 ปี เพื่อป้องกันไม่ให้เหรียญ Bitcoin ที่ถูกขุดได้มีมากเกินไป เริ่มจาก 50 เหรียญทุกๆ 10 นาที โดยจำนวนเหรียญ Bitcoin มีทั้งหมด 21 ล้านเหรียญ และคาดว่าจะถูกขุดจนหมดในปี 2140 หรืออีกนับร้อยปีต่อจากนี้

จากวัฎจักร The Halving ของ Bitcoin ทำให้นักลงทุนเกิดเก็งกำไรในช่วงเวลาก่อนเข้าสู่วัฎจักรนั้น ไม่ว่าจะเป็นการขายเหรียญออกไป แล้วค่อยซื้อกลับเข้ามาใหม่ในราคาที่ถูกกว่าในเวลาต่อมา

นอกจากนี้นักลงทุนเหรียญคริปโต จะไม่เก็บกำไรที่ได้จากการลงทุนเป็นเงินสดโดยเด็ดขาด เพราะต้องคอยพิจารณาถึงปัจจัยอื่นๆ ของการเงินแบบปกติ เช่น อัตราการเงินเฟ้อ แต่นักลงทุนจะนิยมนำกำไรที่ได้จากเหรียญคริปโต ไปซื้อทรัพย์สินที่สามารถสร้างรายได้ได้ เช่น อสังหาริมทรัพย์, กองทุน, หุ้น, ทองคำ หรือการลงทุนอื่นๆ และควรมีการกระจายความเสี่ยงหรือ Diversified ในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เมื่อสินทรัพย์หนึ่งลง อีกสินทรัพย์หนึ่งอาจจะขึ้น ทำให้ความผันผวนของพอร์ตลดลง ดังคำพูดที่เราเคยได้ยินเช่น อย่าใส่ไข่ทุกฟองในตระกร้าใบเดียวนั่นเอง

 

 "Diversification" ซึ่งเป็นหลักการลงทุนเบื้องต้นที่นักลงทุนทุกคนคงจะเคยได้ยินได้รู้จักในการลงทุน เพราะถ้าใส่ไข่ทุกฟองไว้ในตะกร้าใบเดียวกัน หากตะกร้านั้นเป็นอะไรไป ไข่ก็จะเสียหายทั้งหมด โดยเปรียบไข่เป็นเงินลงทุนของเรา การกระจายด้วยการนำไข่ไปใส่ในหลายๆ ตะกร้า ก็เปรียบเสมือนกับการนำเงินลงทุนกระจายไปในการลงทุนหลายรูปแบบ เช่น หุ้น ตราสารหนี้ เงินฝาก ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ คริปโต ฯลฯ เพราะเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันกับตะกร้าใบใดใบหนึ่ง อย่างน้อย เราก็ยังมีตะกร้าใบอื่นๆ เหลืออยู่

 

“สินทรัพย์ทางการเงินทุกอย่างมีความเสี่ยงหรือความไม่แน่นอนของผลตอบแทนเกิดขึ้นเสมอ การกระจายความเสี่ยงอาจลดอัตราผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุนก็จริงๆ แต่สิ่งที่ลดลงด้วยก็คือ ความเสี่ยง”

 

เราสามารถกระจายความเสี่ยงได้ในหลายระดับ เช่น

 

• การกระจายการลงทุนภายในสินทรัพย์ประเภทเดียวกัน เช่น ผู้ลงทุนในหุ้นรายตัว อาจจะกระจายความเสี่ยงด้วยการกระจายการลงทุนในหุ้นแต่ละอุตสาหกรรม หากอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งเกิดมีปัญหา ผู้ลงทุนจะไม่ได้ผลกระทบมากนัก เพราะยังเหลืออุตสาหกรรมอื่นที่ยังดีอยู่ หรือผู้ลงทุนในตราสารหนี้ ก็อาจจะมีการกระจายการถือตราสารหนี้หลายฉบับระหว่างผู้ออกตราสารภาครัฐกับภาคเอกชน

• การกระจายระหว่างประเภทสินทรัพย์ หรือที่เรียกว่าการทำ “Asset Allocation” คือ ผู้ลงทุนอาจกระจายเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่แตกต่างกัน หรือคนละประเภทสินทรัพย์ เช่น เงินสด ตราสารหนี้ ตราสารทุน อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ น้ำมัน เป็นต้น

การกระจายข้ามประเทศ (Country Allocation หรือ International Diversification) คือ ผู้ลงทุนอาจกระจายเงินลงทุนไปยังตลาดประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Markets) ตลาดประเทศกำลังพัฒนา (Emerging Markets) หรือทั่วโลก (Global) เพราะในบางครั้งประเทศไทยแย่ หรือประเทศโซนเอเชียแย่ แต่ยังมีประเทศที่พัฒนาแล้ว หรือภูมิภาคอื่นที่ยังมีการเติบโตให้เลือกลงทุนอยู่

ซึ่งจะเห็นว่าในช่วงเวลาดังกล่าวการกระจายการลงทุนในบริษัทต่างๆ หลายบริษัทหรือหลายกลุ่มอุตสาหกรรมภายในประเทศไม่สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากปัจจัยภายในประเทศได้ การกระจายการลงทุนไปในหลายประเทศเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการที่จะลดความเสี่ยงภายในประเทศได้ เนื่องจากในขณะที่เรากำลังประสบปัญหาภายใน ซึ่งประเทศอื่นๆไม่ได้ประสบปัญหาดังกล่าวด้วย

การกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ระหว่างประเทศเป็นการเปิดโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่หลากหลายกว่า เนื่องจากขนาดของตลาดการเงินไทยที่เมื่อเทียบกับตลาดโลกแล้ว ยังนับว่ามีขนาดเล็ก และมูลค่าการซื้อขายที่ยังน้อยมากเมื่อเทียบกับหลายๆตลาดหลักทั่วโลก

ในปัจจุบัน ตลาดการลงทุนเปิดเสรีมากขึ้น การลงทุนในต่างประเทศทำได้สะดวกขึ้นมาก ทั้งทางตรงและทางอ้อม เราสามารถเข้าถึงสินทรัพย์การลงทุนในต่างประเทศได้ด้วยจำนวนเงินที่ต่ำกว่ายุคก่อน ไม่ว่าจะผ่านช่องทางกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) ที่มีการไปลงทุนต่างประเทศ หรือกองทุนรวมที่ไปลงทุนในกองทุนต่างประเทศอีกที หรือที่เรียกกันว่า “Feeder Fund”

หากท่านสนใจให้เราช่วยจัดพอร์ตการลงทุนให้ฟรี สามารถติดต่อสอบถามข้อมูล ผ่านเว็บไซต์ มรดก100ล้าน หรือ www.wealth100million.com

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com